WE ARE THE BLOGKER

April 16, 2018
5567
ย้อนดูความสยองขวัญระดับมาสเตอร์พีซ เมื่อ 37 ปีที่แล้ว กับ “The Shining” โรงแรมผีนรก

รีวิว
สรุป

สืบเนื่องจากช่วงสงกรานต์ที่่ผ่านมา ผมไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลย เพราะเบื่อที่จะต้องไปแย่งต่อคิวกันกินข้าวกับมวลมหาประชาชน แถมผมเองก็มีความรู้สึกเสียดายวันหยุดเอามากๆ กลัวว่ามันจะผ่านไปเร็วถ้ามัวแต่ออกไปเที่ยวนอกบ้าน ก็เลยนั่งๆนอนๆอยู่กับบ้านนี่ล่ะฮะ หลังจากที่ไล่ดูภาพยนตร์และซีรีส์ของช่อง Netflix ไปจนแทบจะหมดเรื่องที่สนใจแล้ว ก็บังเอิญไปเจอกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า “โรงแรมผีนรก” ในแวปแรกผมคิดว่านี่คงจะเป็นหนังสุดน่าเบื่อ มีแต่บทพูดยืดยาว ที่มักจะอำนวยการสร้างโดย Netflix อีกแล้วสิเนี่ย แต่ความสนใจผมก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นตัวอย่างหนังที่มาพร้อมกับชื่อภาษาอังกฤษที่มีชื่อว่า “The Shining”

 

ชื่อนี้ทำให้ผมหวนคิดไปถึงอดีตเมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาปริญญาตรี ในขณะที่กำลังอยู่ในคลาส American Film and History เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งในวันนั้น ก็เป็นคิวของการดูเรื่อง The Shining นี่ล่ะครับ อยากให้คุณผู้อ่านลองนึกภาพดูถึงเมื่อครั้งในอดีตที่ยังต้องดูหนังผ่านม้วนวิดีโอ ซึ่งก็ต้องสดุดีอาจารย์ฝรั่งมากในการไปตามหาภาพยนตร์แปลกๆที่ไม่ได้เข้าฉายในเมืองไทย แถมก็ยังไม่ได้มีใครผลิต VDO ออกมาขายในท้องตลาดด้วย โดยอุตสาห์ไปขอให้ร้าน Fame Video แห่งย่านท่าพระจันทร์ไปทำการ Copy ต้นฉบับมาจากไหนก็ไม่รู้มาให้พวกผมได้ชมกัน ถึงจะไม่ค่อยได้อรรถรสในการรับชมที่เท่าเทียมกับสมัยนี้…ก็คิดดูละกัน สมัยนั้นเวลาดูอะไรต้องเป็นทีวีแบบตู้รถเข็นมาจากห้องโสตฯ แถมระบบเสียงมันก็แย่มากจนต้องเอาไมค์มาจ่อที่ลำโพง และยังเป็นทีวีจอตู้ปลาที่ให้ตายเหอะ มันแทบจะไม่มีความคมชัดใดๆปรากฎสู่สายตาของเด็กหลังห้องอย่างผมเลย

 

การกลับมาดูอีกครั้งผ่าน Netflix ของผมในครั้งนี้ จึงเป็นการดูที่ได้อรรถรสที่มากกว่า ทั้งๆที่ผมก็พอจะจำเนื้อเรื่องเกือบทั้งหมดได้เป็นอย่างดี

เครดิตภาพ: http://thecornerofterror.blogspot.com

 

สำหรับคอภาพยนตร์ชื่อของ Stanley Kubrick (สแตนลีย์ คูบริก) คือสุดยอดผู้กำกับที่สร้างผลงานระดับ Masterpiece อันนำมาซึ่ง Controversial Issue ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง A Clockwork Orange (1971), Lolita (1962), หรือ Eyes Wide Shut (1999) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกระแสสังคมในแง่ของการที่ต้องมาทบทวนเรตติ้งในการเซนเซอร์ภาพยนตร์กันใหม่ในหลายๆประเทศ

 

The Shining ถูกสร้างขึ้นมาในปี 1980 หรือเกือบๆ 38 ปีมาแล้ว โดยอิงมาจาก Fiction ของนักเขียนเรื่องสยองขวัญชื่อก้องนามว่า Stephen King (สตีเฟน คิง) ที่เขียนขึ้นมาในปี 1977…แต่อนิจจาช่างน่าแปลกยิ่งนัก ที่ตัว Stephen King เองกับมองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นมันไม่ใช่แบบที่ตัวเค้าเองวาดภาพในจินตนาการเอาไว้ จนกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่คนบนโลกนี้ (ในยุคนั้นนะ) ที่ให้คำวิจารณ์ในเชิงลบมากมายเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้

เครดิตภาพ: http://www.nydailynews.com/

 

แต่ก่อนที่ผมจะเล่าอะไรไปมากกว่านี้ ต้องขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า สำหรับคอหนังสยองขวัญยุคปััจุบันที่เต็มไปด้วย Effect CG ตระการตาระดับโลก นั้นก็คงจะไม่ค่อยพิศมัยกับความน่ากลัวตามแบบฉบับของ The Shining แต่อย่างใด ก็แหงล่ะ หนังเมื่อเกือบ 38 ปีที่แล้ว มันจะมีความหวือหวาเท่ากับยุคปัจจุบันได้ยังไงล่ะจริงไหมครับ…แต่สิ่งที่นักวิจารณ์ในสมัยนั้นเค้ายกย่องมากสำหรับหนังเรืองนี้ก็คือความสามารถของ Kubrick ในการสร้างบรรยากาศ 3 อย่างอันเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของหนังสยองขวัญได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั้นก็คือ Suspense (ระทึกขวัญ) , Hysteria (หวาดผวา) และ Horror (สั่นประสาท)

 

บรรยากาศแห่งความสยองขวัญของ Kubrick ถูกบรรจงรังสรรค์ขึ้นมาในแบบฉบับที่ฉีกไปจากงานอื่นๆในยุค 1980s เพราะว่ามันเต็มไปด้วยเส้นเรื่อง และตัวละครใหม่ๆที่ชวนให้คนดูคิดว่ามาจากไหน และคือใคร แม้แต่ตัวนางเอกและลูกเอง คนดูก็ยังพลอยคิดว่าอีนี่มันต้องเป็นฆาตกรโรคจิตที่มีปมอะไรบางอย่างมาอยู่แล้วแน่ๆ การเลือกสถานที่ให้เป็นรีสอร์ทปิดตายบนภูเขาหิมะ เสียงประกอบภาพยนต์ที่บาดหู มุมกล้องที่ดูแปลกตา ก็ล้วนแต่ส่งให้หนังเรื่องนี้ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์หนังสยองขวัญมากมาย

 

การสร้างความระทึกขวัญ ชวนสงสัย (Suspense) ผ่านทางตัวละครทุกตัวในเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทของ Danny เด็กชายที่ดันมีความสามารถพิเศษในการเห็นอนาคต แถมยังมองเห็นและสื่อสารกับวิญญาณได้อีก โดยในเรือง Danny มีเพื่อนในจินตนาการ ที่มีชื่อว่า Tony (ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับคนดูว่าแท้จริงแล้ว Tony มีตัวตนจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่เพื่อในจินตนาการของเด็กเล็กทั่วไป) ที่คอยแจ้งเตือนตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าโรงแรมนี้มันแปลกๆนะเว้ยเห้ย แถมไม่ได้แจ้งเตือนเปล่า แต่ใส่มาทั้งภาพไฮไลท์ของเรื่องอย่างเลือดสีแดงฉานราวกับสึนามิที่ทะลักออกมาจากลิฟท์มาสู่ล้อบบี้โรงแรม รวมถึงเด็กหญิงฝาแฝดในชุดปาร์ตี้ที่ดูหลอนมากบนโถงทางเดิน

เครดิตภาพ: http://www.latimes.com

 

สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ช่วยสร้างความสงสัยให้กับคนดูว่าโรงแรมแห่งนี้มันต้องเป็นโรงแรมผีนรก แบบที่เห็นจากชื่อเรื่องแน่ๆ แต่ผีพวกนี้คือใครล่ะ? แถมตัว Danny เองก็ยังทำตัวหลอนๆด้วยการเอ่ยคำพูดแปลกๆอย่าง “redrum” และชอบที่จะขับจักรยานไปวนเวียนอยู่ที่หน้าห้อง 237 อยู่เรื่อยๆทั้งๆที่ Tony และ พนักงานโรงแรมผู้มีจิตสัมผัสแบบเดียวกันอย่าง Hallorann ได้เตือนไว้เเล้ว…ในจุดนี้ Kubrick ได้รับคำชมอย่างมากในการเลือกที่จะใช้เทคนิคการถ่ายทำด้วยมุมกล้องในแบบ Tracking Shot ที่ไล่ตามจักรยานของ Danny ไปเรื่อยๆ ผ่านไปมาทีละห้องๆจนมาหยุดที่ห้อง 237 ซึ่งมุมกล้องแบบนี้มันทำให้คนดูลุ้นกันพอสมควรว่าจะมีผีโผล่เข้ามาร่วมซีนด้วยตอนไหน

เครดิตภาพ: https://movieweb.com

เครดิตภาพ: https://nerdist.com/

 

ในแง่ของความหวาดผวา (Hysteria) ก็มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่องผ่านทางตัวละครหลักคือ สองสามี ภรรยา Jack และ Wendy ที่ดูยังไงก็เดาออกว่าเดี๋ยวมันจะต้องมีการไล่ฆ่ากันในเร็ววันนี้แน่นอน เพราะบุคคลิกหน้าตา และการกระทำดูโรคจิตทั้งคู่ เมียก็ระแวงผัวจะทำร้ายลูก ผัวก็ระแวงว่าเมียจะให้กลับบ้านเป็นคนตกงานเหมือนเดิม ต้องการที่เงียบๆจะมาแต่งนิยายขาย ก็ดันกลายเป็นว่ามันเงียบเกินไป แถมไปเจอความเชื่อมโยงอะไรบางอย่างเกี่ยวกับอดีตของโรงแรมนี้อีก ก็เลยกลายเป็นบ้าไปเลย นอกจากนี้ในทุกๆครั้งบทของ Wendy ยังสร้างความเวียนหัว กรีดประสาทคนดูด้วยการวิ่งไป กรีดร้องสลับกับร้องไห้ไปในท่าทางที่ดูทรมานสายตามาก

ส่วนตัวผมว่า Wendy นี่ดู Distrubing มากกว่าผีในเรื่องอีกครั้ง เครดิตภาพ: http://screenprism.com/insights/

 

ประการสุดท้ายที่ทำให้หนังเรื่องนี้มันน่ากลัวก็คือสถานที่นี่ล่ะครับ การเซตสถานที่เป็นโรงแรมร้างปิดตาย ในช่วงปิดหนีหนาวในย่าน Colorado Mountain แถมยังมีปูมในการก่อสร้างที่ดันไปสร้างทับสุสานโบราณของชาวอินเดียนแดงอีก มันช่างเป็นสูตรสำเร็จของหนังสยองขวัญที่ต้องมีสาเหตุของเรื่องราวน่ากลัวต่างๆ ในหนังจะพบว่าเพราะมันสร้างทับสุสานก็เลยเฮี้ยนจนมีวิญญาณเดินเพ่นพ่านมาคุยกับ Jack เต็มไปหมด แถมยังมายุให้ Jack ไล่ฆ่าลูกเมียอีก และในตอนจบหนังยังทิ้งคำถามไว้ให้กับคนดูไปคิดอีกว่าแท้จริงแล้ว Jack มีความเกี่ยวพันอะไรกับโรงแรมแห่งนี้กันแน่ หรือนี่อาจจะเป็นสาเหตุให้ Jack มาทำงานที่โรงแรมแห่งนี้ มากกว่าความต้องการที่จะเขียนหนังสือ…

เอาเป็นว่าสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่เบื่อกับหนังสยองขวัญที่เดินตามสูตรสำเร็จในยุคปััจจุบัน ก็ลองเข้าไปกดดู The Shining โรงแรมผีนรก เรื่องนี้กันได้นะครับ แม้ว่ามันอาจจะไม่ถูกจริตของคอหนังในยุคนี้เท่าไหร่ แต่นี่ก็คือแม่แบบของหนังสยองขวัญระดับโลก ที่ในอดีตเคยได้รับคำชม และความนิยมที่ถล่มทลายครับ

ใครเป็นสมาชิกอยู่แล้ว ดูได้ที่นี่ครับ https://www.netflix.com/th/title/959008

 

ลองดูแก้เซ็งได้ฆ่าเวลาถ้าไม่มีอะไรดู และสำหรับผู้กำกับหนังรุ่นใหม่ นี่คือหนังที่ต้องดูครับ